ติวเตอร์ O-NET

ข้อสอบ O-NET

1. Situation : A secretary is talking to a caller.
        Caller : This is Jim Smith. Can I speak to Mr. Johnson, please?
        Secretary :
        Caller: B
        Secretary: I’ll tell him as soon as I see him.
    A. 1. Pardon me. I don’t know him.
         2. Can you talk to him now?
         3. I’m afraid he’s just gone out.
         4. Sorry. He doesn’t want to speak to you.
    B. 1. Could I hold on?
         2. Can you call me later?
         3. Can you ask him to return my call?
         4. Could I return his call later?
    สถานการณ์ เลขานุการกำลังสนทนากับผู้ที่โทรศัพท์เข้ามา
         คำตอบข้อ A คือ 3
         คำตอบข้อ B คือ 3
  - โจทย์ข้อ A เป็นคำตอบที่เลขานุการตอบคำถามของจิม สมิทธิ์ ที่จะขอพูดสายกับคุณจอห์นสัน ข้อ 1 เป็นการขอโทษและบอกว่าไม่รู้จัก ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เลขานุการจะไม่รู้จักเจ้านาย ประโยค “Pardon me.” มักใช้ในสถานการณ์ดังนี้คือ 1. ขอโทษในขณะที่ทำผิด 2. ก่อนที่จะเสนอข้อคิดเห็นแย้งใน ระหว่างที่สนทนากัน 3. ขอให้คู่สนทนาพูดซ้ำอีกเมี่อฟังคำพูดของคู่สนทนาไม่ชัดเจน ข้อนี้จึงไม่ถูกเพราะ การใช้คำที่ผิดและเหตุผลที่ไม่มีน้ำหนัก ข้อ 2 เป็นการถามกลับว่าจิม สมิทธิ์ จะพูดกับท่านเดี๋ยวนี้ได้ไหม ซึ่งไม่ได้เป็นการตอบรับสิ่งที่จิมถาม และนอกจากนี้ยังไม่สอดคล้องกับบทสนทนาที่ให้ไว้ ข้อนี้จึงไม่ใช่ข้อที่ถูก ข้อ 3 เป็นการตอบของเลขานุการว่า เกรงว่าท่าน (คุณจอห์นสัน) เพิ่งออกไป ข้อนี้เป็นข้อที่ถูกเพราะเป็น ข้อที่ตอบคำถามที่ตรงที่สุด ข้อ 4 เป็นการแสดงการขอโทษ / เสียใจ และบอกว่าท่าน (คุณจอห์นสัน) ไม่ต้องการพูดกับคุณ (จิม สมิทธิ์) ทั้ง ๆ ทื่เจ้านายยังไม่ทราบเลยว่ามีคนโทรศัพท์มาหา ข้อนี้จึงไม่ใช่ข้อที่ถูกเพราะไม่สมเหตุสมผล
 - โจทย์ข้อ B เป็นการขอร้องของจิม สมิทธิ์ ซึ่งต้องสอดคล้องกับคำตอบรับของเลขานุการที่บอกว่า “ดิฉัน จะเรียนให้ท่านทราบทันทีที่เห็นท่าน” ข้อ 1 บอกว่า ผมจะถือสายรอได้ไหม ข้อนี้ไม่ถูกเพราะจิมทราบแล้วว่าเขาไม่อยู่ ข้อ 2 บอกว่า คุณจะโทรมาหาผมภายหลังได้ไหม ข้อนี้ไม่ถูกเพราะจิมต้องการพูดกับคุณจอห์นสัน ไม่ ได้ต้องการพูดกับเลขานุการ ข้อ 3 บอกว่า คุณช่วยขอให้ท่านโทรกลับมาหาผมได้ไหม ข้อนี้ถูกเพราะสอดคล้องกับคำตอบรับของ เลขานุการ ข้อ 4 บอกว่า ผมจะโทรตอบกลับไปหาท่านภายหลังได้ไหม ข้อนี้ไม่ถูกเพราะคุณจอห์นสันไม่ได้โทรหา จิม


2. Situation : Usa is a new Thai student at a college in America. Mary, her roommate, is telling her about the college library.
        Mary : During final exam week,
        Usa : B In Thailand, most university libraries are open only until 8.00 p.m.
   A. 1. I like to study in the library after class.
        2. the main library is open 24 hours a day.
        3. you must show your ID card when you take a book.
        4. the library has a lot of science journals.
   B. 1. How could they?
        2. Dear me!
        3. Of course!
        4. How convenient!
   สถานการณ์ อุษาซึ่งเป็นนักเรียนไทย เข้ามาเป็นนักศึกษาใหม่ของวิทยาลัยแห่งหนี่งในอเมริกา แมรี่ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมห้องกำลังเล่าให้เธอฟังถึงเรื่องห้องสมุดของวิทยาลัย
        แมรี่ : ในอาทิตย์ที่มีการสอบไล่ A
        อุษา : B ในบระเทศไทย ห้องสมุดมหาวิทยาลัยเปิดจนถึง 2 ทุ่ม
        คำตอบข้อ A คือ 2
        คำตอบข้อ B คือ 4
  - โจทย์ข้อ A คำตอบต้องเป็นข้อมูลเกี่ยวกับเวลาทำการของห้องสมุด เพราะในข้อมูลที่อุษาให้ แมรี่เป็นข้อมูลของมหาวิทยาลัยในประเทศไทย 99 ข้อ 1 บอกว่า ฉันชอบไปดูหนังสือในห้องสมุดหลังเลิกเรียน ข้อนี้ไม่ถูกเพราะไม่สอด คล้องกับคำพูดของอุษาเรื่องเวลาทำการของห้องสมุด ข้อ 2 บอกว่า ห้องสมุดกลางเปิดตลอด 24 ชม. ข้อนี้ถูกเพราะเป็นข้อมูลที่นักศึกษา ใหม่ควรจะทราบ อีกทั้งยังสอดคล้องกับคำพูดของอุษาด้วย ข้อ 3 บอกว่า เธอต้องแสดงบัตรประจำตัวเมื่อหยิบหนังสือขึ้นมาดู ข้อนี้จึงไม่ถูก เพราะไม่สมเหตุสมผล ข้อ 4 บอกว่า ห้องสมุดมีวารสารวิทยาศาสตร์เป็นจำนวนมาก ข้อนี้ไม่ถูกเพราะห้อง สมุดที่อื่นก็มีวารสารวิทยาศาสตร์เป็นจำนวนมากได้เช่นกัน
  -  โจทย์ข้อ B คำตอบที่ถูกควรเป็นการแสดงความประทับใจหรือชื่นชม ข้อ 1 บอกว่า เขาทำได้อย่างไร ข้อนี้ไม่ถูกเพราะแสดงความไม่เชื่อ เป็นสิ่งที่เป็น ไปไม่ได้ ข้อ 2 บอกว่า ตายจริง ข้อนี้ไม่ถูกเพราะเป็นคำอุทานแสดงการตกใจ ข้อ 3 บอกว่า แน่นอน ข้อนี้ไม่ถูก เพราะเป็นคำที่ใช้ในการสนับสนุน ยืนยันว่าเป็น เช่นนั้นจริง ๆ ข้อ 4 บอกว่า สะดวกจริง ๆ ข้อนี้ถูกเพราะเป็นการแสดงความประทับใจ


3. Situation : A student wants to see his instructor, Mr. Benson.
         Student : Excuse me, Mr. Benson. A
         Mr. Benson : B Oh, yes. I won’t be doing anything then.
    A. 1. Don’t you have any free time at all?
         2. What time will you be free ?
         3. I wonder if you would be available at two this afternoon.
         4. Would you mind if I came to see you when you are available?
    B. 1. Please do.
         2. Let me see.
         3. Please take a look.
         4. I have plenty of time.
    สถานการณ์ นักเรียนต้องการที่จะพบมิสเตอร์เบนสันซึ่งป็นอาจารย์
         นักเรียน : ขอโทษครับอาจารย์เบนสัน A
         อาจารย์เบนสัน : B โอได้สิ ครูไม่ได้ทำอะไรตอนนั้น
         คำตอบข้อ A คือ 3
         คำตอบข้อ B คือ 2
 - โจทย์ข้อ A ต้องเป็นการนัดหมายเวลาที่จะมาพบอาจารย์ ข้อ 1 บอกว่า อาจารย์จะไม่มีเวลาใดว่างเลยหรือครับ ข้อนี้ไม่ถูกเพราะเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะ สม เป็นการกล่าวบททั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ถามอาจารย์เลยว่าจะว่างเมื่อไหร่ ข้อ 2 บอกว่า เวลาไหนที่อาจารย์จะว่าง ข้อนี้ไม่ถูกเพราะจะไม่สอดคล้องกับคำพูดของอาจารย์ ที่ให้ไว้ ข้อ 3 บอกว่า ผมอยากทราบว่าอาจารย์จะว่างตอนบ่าย 2 โมงนี้ไหมครับ ข้อนี้ถูกเพราะเป็น การถามอย่างสุภาพและบ่งบอกเวลาที่ต้องการจะมาพบด้วย ซึ่งสอดคล้องกับคำตอบรับของ อาจารย์ ข้อ 4 บอกว่าจะเป็นไรไหมครับถ้าผมจะมาหาเมื่ออาจารย์ว่าง ข้อนี้ไม่ถูกเพราะถึงจะเป็นการ ถามที่สุภาพแต่คำถามก็ไม่สอดคล้องกับคำตอบของอาจารย์
 - โจทย์ข้อ B คำตอบจะต้องเป็นเรื่องเวลาที่อาจารย์ต้องตรวจสอบก่อนว่าว่างหรือไม่ ข้อ 1 บอกว่า เชิญทำ ข้อนี้ไม่ถูกเพราะไม่ทราบว่าทำอะไร ข้อ 2 บอกว่า ขอให้ครูดูก่อน ข้อนี้ถูกเพราะอาจารย์จะต้องตรวจสอบว่าว่างหรือไม่ตามเวลา ที่นักเรียนขอมา ข้อ 3 บอกว่า เชิญมาดู ข้อนี้ไม่ถูกเพราะไม่ทราบว่าจะให้นักเรียนดูอะไร ข้อ 4 บอกว่า ครูมีเวลาเยอะมาก ข้อนี้ไม่ถูกเพราะไม่ได้บอกว่าว่างหรือไม่


4. A their customers, supermarkets B as possible.
      A. 1. Having attracted and kept
           2. As if to attract and keep
           3. In order to attract and keep
           4. Attracting and keeping
      B. 1. want to make shoppers as pleasant
           2. have made shopping as pleasing
           3. must try to make their shoppers as pleasing
           4. have tried to make shopping as pleasant
   โจทย์ A คำตอบ 3
   โจทย์ B คำตอบ 4
 - โจทย์ A ต้องการคำเชื่อมที่แสดงวัตถุประสงค์หรือเป้าหมาย คำตอบโจทย์ A คือ 3 In order to attract and keep เป็นคำอธิบายขยายความของประโยคหลัก
 - โจทย์ B ต้องการทดสอบการใช้ make + something + adjective และการเลือก ใช้คำศัพท์ pleasant / pleasing pleasing แปลว่า เป็นที่ชื่นชอบ pleasant แปลว่า สนุกสนาน คำตอบโจทย์ B คือ 4 have tried to make shopping as pleasant


5. A public transport to the exhibition hall B a parking space there.
    A. 1. John will make his decision in traveling on
         2. John is deciding that he has to travel in
         3. John decided to travel by
         4. John’s decision for traveling with
    B. 1. since it would be difficult to find
         2. although it is difficult to find
         3. whereas it was difficult finding
         4. and it is difficult finding
   โจทย์ A คำตอบ 3
   โจทย์ B คำตอบ 1
 - โจทย์ A ต้องการประธานของประโยค รวมทั้ง preposition ที่ใช้ได้กับวิธีการเดินทาง คำตอบโจทย์ A คือ 3 John decided to travel by
 - โจทย์ B ต้องการคำอธิบายที่เป็นสาเหตุ คำตอบโจทย์ B คือ 1 since it would be difficult to find 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น